Advanced Search
Mortgage Calculator
Your search results
News
18บิ๊กรุมทึ้งที่ดินสวนลุมไนท์ “สิงห์-สหพัฒน์-นาร...
เปิด โผรายชื่อชิงดำที่ดินสวนลุม 88 ไร่ 18 รายผ่านรอบแรก ตระกูลดังธุรกิจ “อสังหาฯ-ค้าปลีก-รับเหมา-เครื่องดื่ม” ร่วมแจมเพียบ ทั้งยื่นประมูลยกแปลง-แยกส่วนพัฒนา “พฤกษา-ยูนิเวนเจอร์-แลนด์ฯ-ไมเนอร์” เตรียมสู้ศึกบิ๊กศูนย์การค้า “เซ็นทรัล-สยามพิวรรธน์-เอ็มบีเค” ด้าน “ช.การช่าง-นารายณ์-สหพัฒน์-เบียร์สิงห์” ผนึกทุนสิงคโปร์-ฟิลิปปินส์-ยักษ์ญี่ปุ่นสู้ยิบตา จากที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยบริษัททุนลดาวัลย์ เปิดประมูลใหม่ที่ดินหัวมุมถนนพระรามที่ 4-วิทยุ 88 ไร่ ปรากฏว่าทุกวงการธุรกิจให้ความสนใจมาก เปิดโผ 18 รายผ่านรอบแรก รายงานข่าวระบุว่า ล่าสุด สำนักงานทรัพย์สินฯได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณารอบแรก (พีคิว) แล้ว มี 18 รายคือ 1)บมจ.ช.การช่าง ยักษ์รับเหมาก่อสร้าง 2)บจ.แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ เครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์3)บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา 4)ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ 5)บจ.ไทย โอบายาชิ ทุนรับเหมาจากญี่ปุ่น 6)บจ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เจ้าของโรงแรมพูลแมน และดิวตี้ฟรี 7)กลุ่มสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ร่วมกับมิตซุย ฟูโดซัง (เอเชีย) 8)บจ.นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ 9)บจ.สยามพิวรรธน์ ยักษ์ค้าปลีก 10)บมจ.ยูนิเวนเจอร์ เครือทีซีซีแลนด์ …
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ พฤษภาคม 2556
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยถึงผลการสำรวจอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2556 นี้มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 25 โครงการ ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา 14 โครงการ มีจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด 7,143 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 21,263 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 7,143 หน่วย ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน -3% (เดือนเมษายน 2556 มีจำนวน 7,357 หน่วย) ซึ่งประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ กลับมาเป็นอาคารชุดอีกครั้ง (เดือนที่ผ่านมาเป็นทาวน์เฮ้าส์) โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 4,644 หน่วย (65.0%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,929 หน่วย (27.0%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 372 หน่วย (5.2%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้ มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2556 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 21,263 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาประมาณ 21% (เดือนเมษายน 2556 มีมูลค่า 17,502 …
หนี้สินท่วม!คนกู้บ้านไม่ผ่านอื้อ
บิ๊กอสังหาฯ เซ็งรถคันแรกกระทบลูกค้า กู้ซื้อบ้านไม่ผ่านพุ่ง 40% แบงก์ให้หาคนกู้ร่วม หนี้สินจากการกู้เพื่อซื้อรถคันแรก ประกอบกับหนี้บัตรเครดิต ส่งผลให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงขึ้นในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ นายปิยะ ประยงค์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า ค่าเฉลี่ยการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินของลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านจากพฤกษาปีนี้ เฉลี่ยปีละ 25% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่พบว่า 5 เดือนแรกปีนี้ เหตุผลที่สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อมาจากการที่ผู้ซื้อมีภาระเรื่องรถยนต์คันแรกมากถึง 40% “ผู้ซื้อโครงการบ้านแนวราบระดับราคา 1.2-2 ล้านบาท ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากต้องผ่อนสินเชื่อหลายทาง ทั้งบ้านและรถยนต์ วิธีการแก้ปัญหาของสถาบันการเงิน คือ การให้ผู้ซื้อบ้านหาผู้กู้ร่วมมากขึ้น จากเดิมกู้ร่วม 2 คน ต้องเพิ่มเป็นอย่างน้อย 3 คน จึงจะปล่อยสินเชื่อได้” นายปิยะ กล่าว นอกจากนี้ ได้มีการปรับการขายสมดุลกับการก่อสร้าง และมีบ้านพร้อมอยู่ให้ลูกค้าเลือกมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานจนส่งมอบบ้านให้ลูกค้าไม่ทัน น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า จากการสำรวจผู้จองซื้อบ้านที่เตรียมยื่นขอกู้สินเชื่อในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เริ่มมีภาระหนี้สินระยะเกินกว่า 1 เดือนมากขึ้น จากเดิมกลุ่มผู้จองซื้อบ้านที่มีหนี้สินมากจะมีสัดส่วนเพียง 5-10% ของผู้กู้ซื้อบ้านทั้งหมด …
เผยนักลงทุนสิงคโปร์ขนเงินลงทุนอสังหาฯไทย
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธรกิจให้บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยว่า ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศทั้งทุนสิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นผลมาจากรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ออกมาตรการเบรกความร้อนแรงของธุรกิจอสังหาฯป้องกันภาวะฟองสบู่ ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ขนเงินเข้ามาในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสที่ไทยผู้ประกอบการไทยจะนำโครงการไปโรดโชว์ดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้นด้วย ส่วนสถานการณ์เงินทุนไหลเข้าในขณะนี้ ส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การเข้ามาลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มากนัก เพราะต้องยอมรับว่าการเข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยแข่งขันกับผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ในตลาดค่อนข้างยาก ส่วนทำเลที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุนยังมีพื้นที่จำกัดอยู่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา และภูเก็ต ซึ่งเป็นตลาดที่มีดีมานด์จากกลุ่มนักท่องเที่ยวของประเทศตนเอง “นักลงทุนที่เข้ามาพัฒนาธุรกิจอสังหาฯในไทยส่วนใหญ่ก็เป็นเอ็กซ์แพทที่อาศัยในฮ่องกงและสิงคโปร์ ซึ่งอาจระบุสัญชาติค่อนข้างยาก แต่จากการพิจารณาในทำเลที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและพัทยาก็จะเป็นนักลงทุนจากรัสเซีย เป็นต้น ส่วนโครงการที่ลงทุนจะมีขนาดประมาณ 200-300 ล้านบาท” นายพนม กล่าว เขายังเชื่อว่า เออีซีจะไม่เป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยมากนัก เพราะเมื่อพิจารณาแล้วไทยไม่ใช่ศูนย์กลาง(ฮับ)ของเศรษฐกิจและการลงทุนของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง เนื่องจากระบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งการคมนาคมการสื่อสารยังไม่เอื้อต่อการลงทุนมากนัก ยังเป็นเหมือนสิงคโปร์เมื่อ 20-30 ปีก่อน การเมืองก็มีความผันผวน โดยประเทศที่น่าลงทุนในภาคอสังหาฯยังเป็นมาเลเซียและสิงคโปร์ ในปีนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น โดยจะไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์และฮ่องกงประมาณ 3-4 โครงการ จำนวนประมาณ 30-40 ยูนิต และส่วนใหญ่เป็นทำเลสุขุมวิทและซีบีดีเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายราว 300-400 ล้านบาท ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้คาดว่าจะมีคอนโดไฮเอนด์ที่ราคาขายพุ่งถึงระดับ 400,000-500,000 บาทต่อตร.ม.สูงสุดในแวดวงอสังหาฯ จากที่ผ่านมาโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส แอท เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯมีราคาขายสูงสุด …
อสังหาฯคึกคัก จ่อเปิดโครงการกว่า2 แสนล้านบาท
หลังจากบริษัท “ท็อปไฟว์”อสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ต่างทยอยประกาศกร้าวแผนการลงทุนและการทำตลาดแบบเชิงรุกมากขึ้น (aggressive) ทั้ง ตัวเลข”มูลค่าโครงการ” “ยอดขาย” และ”ยอดรับรู้รายได้” เป็นเป้าหมายการเติบโตแบบ “เท่าตัว” จากความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะสดใสกว่าปีที่ผ่านมา และกำลังซื้อจะขยายสู่ชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น จากนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท และค่าแรง 300 บาทต่อวัน ขณะที่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงต้นปีจะไม่ค่อยหวือหวามากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลจากปัญหาน้ำท่วม สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของ 3 บิ๊กอสังหาฯ ได้แก่ “พฤกษา แสนสิริ และแอลพีเอ็น” ที่เปิดแผนการลงทุนรวมมูลค่าโครงการมากถึง 1.36 แสนล้านบาท จากจำนวนโครงการที่มีแผนจะเปิดตัวรวมกันไม่ต่ำกว่า 136 โครงการ ยังไม่นับรวมโครงการของบริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่อื่นๆ ที่จะทยอยแถลงแผนธุรกิจออกมาในสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ , ยูนิเวนเจอร์ ,โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ ฯลฯ ก่อนหน้านี้หลายบริษัทอสังหาฯเปิดตัวเลขโครงการในปีนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็น ควอลิตี้เฮ้าส์,เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 17 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ,ศุภาลัย เปิดตัว 17 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท …
แนวโน้มราคาบ้านปี56พุ่ง 5-10% ขณะที่คอนโดฯ1ล้านมีเฉพาะ...
ผลกระทบจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับราคาต่อเนื่อง ตลอดจนค่าพลังงาน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้แนวโน้มราคาสินค้าต่างมีทิศทางเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาบ้านและคอนโดฯ ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายสรุปตรงกันว่า ในปี 2556 แนวโน้มสินค้าในกลุ่มที่อยู่อาศัย จะเพิ่มขึ้นแน่นอนไม่น้อยกว่า 5% อย่างเลี่ยงไม่ได้ “พฤกษา”ชี้แนวโน้มปี56ราคาบ้านพุ่ง 5% นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมอสังหาฯใปนี 2556 คาดว่าด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับราคา และค่าพลังงานที่จะสูงต่อเนื่อง เชื่อว่าจะทำให้ราคาบ้านในภาพรวม จะต้องขยับขึ้นมาประมาณ 5% เป็นอย่างน้อย หรืออาจถึง 10% หากการบริหารต้นทุนไม่ดี อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้น แต่กำลังซื้อของคนเชื่อว่าจะไม่เพิ่มมาก จึงเป็นโจทย์สำคัญ ให้บริษัทฯต้องปรับตัวทั้งระบบ ทั้งปรับปรุงแบบ ปรับระบบการบริหารงาน และระบบการก่อสร้าง เพื่อประหยัดต้นทุนผลิตสินค้าออกมาให้รองรับกำลังซื้อที่ยังทรงตัวให้ได้ ในส่วนของพฤกษาเอง ซึ่งทำระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป และมีระบบควบคุมการก่อสร้างแบบครบวงจร เชื่อว่าจะสามารถควบคุมต้นทุนได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่กระทบต่อกำลังซื้อประชาชน การปรับราคาบ้านขึ้นไปสูงคงทำได้ยาก มีความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการ จะปรับขนาดบ้านลงมาให้เหมาะสมกับราคาที่ผู้บริโภครับได้ บ้านจัดสรรถูกสุดเริ่มที่1.5 ล้านบาท นายอิสระ บุญยัง ฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงทิศทางราคาที่อยู่อาศัยในปี 2556 ว่า …
นักวิชาการชี้ “เออีซี” ดันเก็งกำไรอสังหาฯ ...
นักวิชาการ แนะผู้ประกอบการอสังหาฯไทยเร่งปรับตัว รับการแข่งขัน-กำลังซื้อหลังเปิดเออีซี เผยเทรนด์ลูกค้า “ซื้อ”เพื่อลงทุน นายธนวรรธ์ พลวิชัย รองคณบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในงานสัมมนา “ตีฝ่าวิกฤต เพื่อธุรกิจที่สดใสในปี 56” หัวข้อ “ผลกระทบของวิกฤตยูโรโซนและการเตรียมตัวสู่เออีซี” ว่า ภาคธุรกิจแต่ละกลุ่มจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยพิบัติ ทั้งภาวะโลกร้อน น้ำท่วม ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจะต้องเร่งปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ขณะที่เศรษฐิจในยุโรปกำลังถดถอยลง แต่เศรษฐกิจอาเซียนกำลังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนและการจับจ่ายของผู้บริโภค และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างอาเซียน และประเทศอื่นๆ จะกระตุ้นให้ภูมิภาคนี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง “อินโดนีเซียในอีก 18 ปี ข้างหน้าจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพและใหญ่สุดในอาเซียน ปัจจุบันมีเศรษฐกิจเป็นอันดับ 14 ของโลก เทียบกับไทยที่อยู่อันดับ 30 ของโลก เพราะมีทรัพยากรและประชากรจำนวนมาก รวมถึงประเทศที่เกิดใหม่อย่างพม่า ตั้งเป้าว่าจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแซงหน้าสิงคโปร์ในอนาคต” นายธนวรรธ์ กล่าว ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีหน้า คาดว่าการเติบโตจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและน้ำท่วมในไทยเป็นตัวแปรสำคัญ และเชื่อว่าว่าจะไม่เกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลายในธุรกิจอสังหาฯไทย เนื่องจากยังมีความต้องการซื้อในตลาดหลากหลายกลุ่ม โดยจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านนายสัมนา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (อาร์อีไอซี) กล่าวว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการปรับตัวได้รวดเร็ว เนื่องจากเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่และมีวิสัยทัศน์ในการทำตลาดใหม่ เห็นได้จากนโยบายกระจายความเสี่ยงธุรกิจไปยังต่างจังหวัด ในหัวเมืองต่างๆ …
ฉายภาพอสังหาฯ อาเซียนไทยขึ้นแท่นศูนย์กลาง AEC
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน เป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะเปิดในปี 2558 ทำให้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ต้องเปิดเวทีสัมมนา “เออีซีและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน” สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียนมีโอกาสที่ดีไม่ว่าจะเป็นพม่าซึ่งเป็นตลาดเปิดใหม่อินโดนีเซียประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจและจีดีพีใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ฟิลิปปินส์ที่มีการเติบโตเป็นอันดับที่สองของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าในโอกาสก็มีอุปสรรคที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายในหลายประเทศที่ยังไม่ชัดเจน เมื่อแยกรายประเทศเริ่มจากอินโดนีเซีย ที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมศูนย์การค้า และโรงแรม กำลังเติบโตอย่างมาก แต่มีข้อจำกัดเรื่องอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่สูงมาก การถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างด้าว สำหรับตลาดเวียดนาม ซึ่งร้อนแรงมากในช่วงปี 2543-2551 ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง ระบบสถาบันการเงินง่อนแง่น มีหนี้เสียมาก รอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟประสบภาวะดอกเบี้ยสูง เงินเฟ้อสูง ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรค แต่นักลงทุนก็ยังมองว่าน่าสนใจ ขณะที่ ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท มองว่า การทำธุรกิจในเวียดนามต้องสายป่านยาวมาก เพราะต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่จะยังไม่ได้พัฒนาโครงการทันที โทนี่ พิคอน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยกล่าวว่า พม่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ แต่ยังวิเคราะห์ยากมาก เพราะยังมีเรื่องการเมืองซึ่งกฎหมายไม่ได้เลวร้าย แต่การปฏิบัติตามกฎหมายยังไม่ดีนัก ระบบการเงิน การธนาคารยังไม่เรียบร้อย ด้าน มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เออีซีไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการรวมตัวของสหภาพยุโรป หรืออียู ซึ่งเออีซีต้องเอาโมเดลของอียูมาศึกษาข้อดีข้อเสีย …
ประชาชนผวาน้ำท่วม แห่ซื้อคอนโดแทนบ้านเดี่ยว
นักวิชาการ เผย พิษน้ำท่วม 54 ทำปชช.ผวาหนัก คาดปีนี้น้ำท่วมอีกแต่ไม่หนักเท่าปีก่อน ดันคอนโดมิเนียมโตขึ้นจากปีก่อน 10% ส่วนตลาดอสังหาฯต่างจังหวัดคึก หลังต่างชาติเข้าลงทุน… เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายมานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการสัมมนา “AEC และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน” ว่า คนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยังกังวลสถานการณ์น้ำท่วมโดยไม่เชื่อว่าน้ำจะไม่ท่วม แม้รัฐบาลจะพยายามทำงานแต่ยังไม่เข้าตาประชาชน และยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ควรแก้โดยการนำแนวทางพระราชดำริมาปรับใช้ ทั้งการสร้างแก้มลิง เขื่อน การปล่อยน้ำลงทะเล โดยส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้น้ำคงจะท่วมอีก แต่ไม่รุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา ดังนั้น ประชาชน และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่บางบัวทอง รังสิต ที่ประสบน้ำท่วมในปีก่อน ได้เตรียมป้องกันสถานการณ์ไว้แล้ว