ผู้ประกอบการชะลอ เปิดโครงการใหม่ ป้องกันเสี่ยงล้นตลาด

ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดอสังหาฯปีนี้โต “หลักเดียว” ลดความร้อนแรง เหตุผู้ประกอบการแตะเบรกเปิดโครงการครึ่งปีหลัง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด ป้องกันความเสี่ยงภาวะที่อยู่อาศัยล้นตลาด จากความกังวลปัญหาฟองสบู่ในบางทำเล ขณะที่ดีมานด์ลดลงชัดเจน

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ โดยคาดว่า ทั้งปีจะเติบโตในอัตราด้วยตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่มีอัตราเติบโต 10% โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด เกิดจากแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในช่วง ครึ่งปีหลังน่าจะอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะที่อยู่อาศัยล้นตลาด (โอเวอร์ ซัพพลาย) โดยเริ่มกังวลว่าจะเกิด ปัญหาฟองสบู่ ขณะที่ความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ของผู้บริโภคก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ จะเห็นว่าผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ และชะลอการซื้อที่ดิน เพื่อรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่องไว้ โดยการชะลอตัวของภาคอสังหาฯ ดังกล่าว เกิดขึ้นทั้งในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล ไม่เว้นตลาดในต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น ชลบุรี เป็นต้น

ส่วนสถานการณ์กำลังซื้อผู้บริโภคที่หดตัวลงนั้น เกิดจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้น โดยในไตรมาสแรกหนี้ครัวเรือนโต 16.24% ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดหุ้นเผชิญความผันผวนค่อนข้างมาก การผ่อนคลายมาตรการคิวอีของสหรัฐ ทำให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออก ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัยหดตัวลงต่อเนื่อง จากไตรมาส 2 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3 ซึ่งถือเป็นฤดูฝน ไม่ใช่ฤดูขาย (โลว์ซีซัน) ของธุรกิจอสังหาฯอยู่แล้ว สำหรับภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยครึ่งปีแรก ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ระบุว่า มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ราว 6 หมื่นยูนิต ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีราว 6.3 หมื่นยูนิต และบ้านจัดสรรอยู่ที่ 4 หมื่นยูนิต ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 3.8 หมื่นยูนิต

“อสังหาริมทรัพย์ปีนี้คงเติบโตในอัตรา 1 หลัก หลังจากตลาดส่งสัญญาณชะลอตัว ลงต่อเนื่องจากไตรมาส 2 จนถึงไตรมาส 3 โดยจำนวนโครงการที่เปิดใหม่น้อยลง เพราะผู้ประกอบการเริ่มสำรวจตัวเองมากขึ้น หลังจากเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายในบางทำเล ทำให้หลายรายต่างปรับตัวชะลอการเปิดโครงการ สถานการณ์ดังกล่าวยังช่วยลดภาวะโอเวอร์ซัพพลายลงได้ในหลายพื้นที่ เช่น ย่านรัชดาภิเษก ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอ่อนนุชแบริ่ง รวมทั้งผู้เล่นที่บุกต่างจังหวัดด้วยก็ชะลอการเปิดตัวโครงการ เหล่านี้ทำให้ภาวะที่อยู่อาศัยล้นตลาดอ่อนตัวลง”

อย่างไรก็ตามการที่อสังหาฯเติบโตในเป็นตัวเลขหลักเดียวถือเป็นเรื่องดี เพราะหากตลาดเติบโตกว่า 10% ต่อเนื่องทุกปี ทั้งราคาที่อยู่อาศัย จำนวนการเปิดตัวโครงการ และดีมานด์พุ่งขึ้น สวนทางกลไกตลาดอาจทำให้ก่อหวอดฟองสบู่ได้ ดังนั้นแนวโน้มการโตในปีนี้จึงช่วยลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจจีน คาดว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจนฉุดตลาดอสังหาฯลงไปอีก เนื่องจากประเทศจีนกว้างใหญ่ ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในบางเมืองของจีน เมืองอื่นก็ยังเติบโตได้ ทำให้ไทยยังคงค้าขายกับจีนได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปลายปี 2558 จะเป็นตัวกระตุ้นให้ภูมิภาคอาเซียนทำการค้าขายกับประเทศจีนมากขึ้น ผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว

“จีนเป็นประเทศใหญ่มากเทียบเท่าทวีป ทวีปหนึ่ง แบ่งเขตเศรษฐกิจพิเศษหลายเมือง เพื่อกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ ดังนั้นหากเมืองใดเมืองหนึ่ง หรือเขตเศรษฐกิจฝั่งหนึ่งของประเทศชะลอตัวลง เชื่อว่าเศรษฐกิจในเมืองรองอื่นก็ยังเติบโตได้อยู่ เอื้อต่อภาคการส่งออกของไทย ให้ค้าขายกับจีนได้อยู่ ในอนาคตการเปิดเออีซียังจะเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจอาเซียนกับจีนคึกคักมากขึ้น” นายสัมมา กล่าว

“แนวโน้มเติบโตในปีนี้ช่วยลดความร้อนแรงของตลาด อสังหาฯได้ ระดับหนึ่ง”

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 11 กรกฎาคม 2556